ประวัติ คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ (Keyboard) มีความเป็นมาอย่างไร
คีย์บอร์ดถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของคอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่า ไมมีไม่ได้ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้สำหรับ Input ข้อมูลต่างลงไป โดยเฉพาะตัวอักษร คีย์บอร์ดส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะแป้มพิมพ์ สีเหลี่ยมผืนพ้า จะมีปุ่มกดมากมาย โดยภาษาของคีย์บอร์ดเริ่มต้น จะเป็นภาษาอังกฤษ และจะมีภาษาของประเทศนั้นๆ เขียนลงไปอีกที ในกรณีเราเปลี่ยนภาษา โดยมีคีย์ต่างๆประมาณร้อยแป้น ลํกษณะเหมือนกับเครื่องพิมพ์ดีด (ตำแหน่งเหมือนกัน) เอาไว้สำหรับใช้เพื่อใหพิมพ์ป้อมข้อมูลผ่านคีย์บอร์ด แล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต และส่งให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลหรือใช้ควบคุมฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของคอมพิวเตอร์
ประวัติ Keyboard
คีย์บอร์ดสำหรับคอมพิวเตอร์ถูกใช้ประมาณปี ค.ศ.1981 ที่ผลิตขึ้นมามีปุ่มอยู่ทั้งหมด 83 ปุ่ม โดยตอนนั้นเรียกคีย์บอร์ดแบบนี้ว่าคีย์บอร์ด PC/XT ต่อมาปี 1984 มีการเพิ่มปุั่มขึ้นอีก 1 ปุ่มเป็น 84 ปุ่มและก็เรียกคีย์บอร์ดนั้นว่า คีย์บอร์ด PC/AT และมีการพัฒนาเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยจนมาจนมาใช้่เป็นรุ่น PS/2 ที่มีปุ่มถึง 101 ปุ่ม (เพิ่มเข้ามาอีก 17 ปุ่ม)
ปัจจุบันคีย์ดบอร์ดมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบ USB หรือ คีย์บอร์ดแบบไร้สายเชื่อมสัญญาณผ่าน bluetooth และปุ่มของคีย์ดบอร์ดก็มีมากน้อยแตกต่างกันไป แต่หลักๆของคีย์บอร์ดจะมีคล้ายๆกัน แต่จะมีเพิ่มจำนวนหรือลดจำนวนขึ้นอยู่กับการผลิตและการใช้งาน เรียกได้ว่ามีหลากหลายเป็นอย่างมาก
แป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ
หน้าตาผังแบบ QWERTY
Dvorak คือผังแป้นพิมพ์ที่ดัดแปลงการเรียงอักษรจาก QWERTY โดยเรียงลำดับตามความถี่ที่ใช้แทน เช่นตัวอักษร e ที่ใช้บ่อยนั้นจะอยู่ในแถวกลาง ทำให้การเคลื่อนไหวของมือน้อยลงเวลาพิมพ์ ซึ่งผังแป้นพิมพ์นี้ถูกจดสิทธิบัตรโดย August Dvorak ในปี 1936 เพื่อรองรับในเครื่องพิมพ์ดีดเช่นกัน แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับ QWERTY แต่ทว่าปัจจับันก็ยังคงใช้งานกันอยู่ ซึ่งเท่าที่ทราบก็อาจเป็นองค์กรระดับสูงที่ทำงานด้านเอกสารสำคัญหรือบรรดานักเขียนมืออาชีพที่ต้องการความคล่องตัวในการพิมพ์
ผังแป้นพิมพ์แบบ Dvorak
….
แป้นพิมพ์ภาษาไทย
ผังแป้นพิมพ์แบบเกษมณี เป็นผังแป้นพิมพ์แบบมาตรฐานที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งความเป็นมานั้น คิดค้นโดยสุวรรณประเสริฐ เกษมณี ซึ่งได้ศึกษาการจัดเรียงอักษรและวรรณยุกต์ไทยที่มีอยู่มาก โดยแป้นพิมพ์สมัยก่อนของ เครื่องพิมพ์ดีดไทยสมิทพรีเมียร์แบบแป้นพิมพ์ 7 แถว นั้นจะกินเนื้อที่มากเพราะใส่อักษร 1 ตัวต่อ 1 ปุ่ม ซึ่งนำมาดัดแปลงใส่ลงไปในแป้นพิมพ์แบบมาตรฐานเพื่อลดการใช้ที่ ซึ่งตัวอักษรที่ใช้บ่อยจะอยู่ด้านล่าง ตัวอักษรที่ใช้ไม่บ่อยก็จะต้องอยู่ด้านบน ซึ่งจะพิมพ์ได้นั้นต้องกดแคร่ (Shift) เพื่อปรับเป็นตัวบน และที่สำคัญแป้นพิมพ์ลักษณะนี้ไม่ได้ใส่ตัวอักษร ฃ และ ฅ แต่ใช้ ข และ ค ในการอ่านเสียงแทนพวกนี้แทน เนื่องจากเครื่องพิมพ์ดีดไทยสมิทพรีเมียร์แบบแป้นพิมพ์ 7 แถว นั้นไม่ได้ใส่อักษรทั้ง 2 ตัวนี้ไปด้วยนี่เอง
ผังแป้นพิมพ์แบบเกษมณี
สำหรับแป้นพิมพ์บนคัย์บอร์ดในปัจจุบันนี้ ก็ใช้หลักการเดียวกับแป้นพิมพ์แบบเกษมณี ซึ่งกำหนดขึ้นโดย มอก. 820 (TIS-620) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งความพิเศษของการพัฒนานี้ก็คือตัวอักษรที่ไม่ได้ใช้อย่าง ฃ/ฅ ก็สามารถบรรจุเข้าไปได้โดยไม่ผลต่อการเปลี่ยนแปลงแป้นคีย์บอร์ดแบบสากล สำหรับมาตรฐานในปัจจุบับคือ มอก. 820 – 2538
จาก เกษมณีสู่การพัฒนาเป็น มอก. 820 – 2538
ผังแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติ นั้น ก็ได้เกิดขึ้นมาด้วยการเรียงอักษรใหม่ พัฒนาโดย สฤษดิ์ ปัตตะโชติ เนื่องจากการวิจัยของสฤษดิ์ชี้ให้เห็นว่า แป้นพิมพ์แบบเกษมณีจะมีการใช้งานมือขวามากกว่ามือซ้าย เช่นพิมพ์คำว่า นาย / นาง / นางสาว / ระเบียบ / สงวน /สมยอมเป็นต้น คำพวกนี้กระผมได้ลองพิมพ์ดู ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ซีกขวา ที่สำคัญตัวอักษรที่ใช้ไม่บ่อยบางตัวที่คนไทยต้องกด Shift บ่อยๆ นั้นก็จะปวดนิ้วก้อยขวาเพราะถูกใช้งานหนัก ซึ่งแป้นพิมพ์ชนิดนี้จะเฉลี่ยให้ทั้งสองมือใช้งานเท่า ๆ กัน และให้ลำดับนิ้วที่ใช้บ่อยคือนิ้วชี้ แล้วไล่ลงไปที่นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยที่ใช้งานน้อยที่สุด ซึ่งแป้นพิมพ์ชนิดนี้ ก็ได้ยอมรับจากการวิจัยของสภาวิจัยแห่งชาติพบว่า แป้นพิมพ์ปัตตะโชติสามารถพิมพ์ได้เร็วกว่าแป้นพิมพ์เกษมณีถึง 25.8% และยังช่วยลดอาการปวดนิ้วมือจากการพิมพ์ได้
ผังแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติ
.. แต่ที่ไม่นิยมใช้ในปัจจุบันนั่นเพราะว่า แป้นพิมพ์แบบเกษมณี ได้ใช้งานมายาวนานกว่าแป้นพิมพ์แแบบปัตตะโชติ จึงไม่ใช้เรื่องแปลกใจที่จะไปลองหาแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติไม่เจอ และที่สำคัญคีย์บอร์ดในปัจจุบันก็ได้ถูกตั้งค่าการพิมพ์แบบเกษมณีอย่างเป็นทางการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น